วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มหาวิหารคานัค อียิปต์

มหาวิหารคานัค อียิปต์



มหาวิหารคาร์นัค ( Great Temple of Karnak )

มหาวิหารคาร์นัค (Great Temple of Karnak) เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดของอียิปต์ เรื่องราวและร่องรอยแห่งอารยธรรมที่แท้จริงของอียิปต์โบราณทั้งทางด้านศิลปะและวัฒธรรมของคนในยุคนั้นได้บ่งบอกไว้ในซากปรักหักพังของมหาวิหารคาร์นัคอันยิ่งใหญ่และกว้างใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้เอง




มหาวิหารคาร์นัคอยู่ห่างจากศูนย์กลางตัวเมืองคือ ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของวิหารลักซอร์ประมาณ 2.6 กิโลเมตร สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพเจ้าอะมอนราเช่นเดียวกันกับวิหารลักซอร์และเพื่อเป็นสถานที่จัดพิธีกรรมเกี่ยวกับความเชื่อของอียิปต์โบราณ ดังนั้นวิหารทั้งสองจึงมีความเกี่ยวพันกันเกี่ยวกับการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ในอดีตจึงมีเส้นทางถนนเชื่อมต่อถึงกันและสองข้างทางเข้าสู่กำแพงชั้นที่ 1 จะถูกประดับด้วยตัวสฟิงซ์ (Sphinx) นั่งหมอบเรียงรายตลอดความยาว 2.6 กิโลเมตรอย่างอลังการ



"คาร์นัค" (Karnak) เป็นชื่อหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเมืองอะมอนอันหมายถึงเมืองของเทพอะมอน แต่เดิมนั้นชื่อเมืองมีชื่อว่า "วาเซ็ต" แล้วต่อมาจึงได้เปลี่ยนเป็นชื่อนคร "ธีบส์" จนในที่สุดจึงได้เป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรไอยคุปต์เริ่มตั้งแต่สมัยราชวงศ์ที่ 11 จนถึงสมัยราชวงศ์ที่ 21 นับเวลายาวนานร่วม 1,000 ปี ( 2120-1085 B.C.) และยังได้กลับมาเป็นเมืองหลวงอีกครั้งในราชวงศ์ที่ 25 อีกถึง 50 ปี ( 716-666 B.C.)
มหาวิหารคาร์นัคสร้างโดยฟาโรห์เซซอสตริสที่ 1 ( SeSostris I ) กษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์ที่ 12 ( 1991 B.C. ) อันปรากฏหลักฐานเก่าแก่ที่สุดอยู่ในหมู่วิหารของเทพอะมอนรา คือห้องบูชาเทพอะมอนรา และห้องแท่นบูชาเรือศักดิ์สิทธิ์ของเทพอะมอน ( Sacred Barque Sancutary และ Central Court of Amon ) อยู่ด้านหลังกำแพงชั้นที่ 6 มีอายุมากที่สุด นับรวมอายุถึงปัจจุบันร่วม 4,000 ปี




ต่อมาได้รับการต่อเติมปฏิสังขรณ์ขยายอาณาเขตออกไปเรื่อยๆ ในทุกๆยุค โดยเฉพาะช่วงราชวงศ์ที่ 18-20 มีการบูรณะวิหารแห่งนี้มากที่สุดและบูรณะต่อเนื่องจนถึงยุคโรมันเข้ามาครอบครอง จนกลายเป็นวิหารที่มีอาคารมากมายกว้างขวางและใหญ่โตที่สุดในโลก
หากนับเวลาติดต่อกันมาตั้งแต่ต้นราชวงศ์ที่ 11 ที่ได้ย้ายเมืองหลวงมายังนครธีบส์ จนกระทั่งถึงยุคโรมันนับเวลาเกือบ 2,000 ปี เทพเจ้าอะมอนราก็ยังคงเป็นสุริยเทพอันยิ่งใหญ่และเป็นเทพประจำเมืองนี้ตลอดมา วิหารแห่งนี้จึงเป็นศูนย์รวมความเชื่อ ความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของชาวอียิปต์โบราณ
อะมอน, อะมัน, อะมุน, อะมอนรา (Amon,Amun,Amon-Ra) ทั้ง 3 คำมีความหมายเดียวกันคือ สุริยเทพองค์เดียวกัน มีรูปร่างเป็นชายหนุ่มสวมหมวกขนนกคู่สูงและมีแผ่นวงกลมสุริยะ ( Solar Disk ) ด้านหน้า
รา (Ra), เร (Re) ส่วนใหญ่นิยมเรียกว่า รา มีความหมายเหมือนกัน หมายถึงเทพเจ้ารา บิดาแห่งเทพยดาทั้งปวง เทพเจ้าราคือผู้ที่เนรมิตเทพอะมอนรา เทพรา-ฮอรัคตี้หัวเหยี่ยว ฯลฯ



(แหล่งอ้างอิง http://iyakoop.exteen.com/20081209/great-temple-of-karnak )